Friday, July 22, 2016

กรุงอังการา ประเทศตุรกี (2-3 July 2013)



อังการา (Ankara = ภาษาอังกฤษ) หรือที่ชื่อเดิมเรียกว่า Ancyra และ Angora เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐตุรกี มีประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองมีจำนวนทั้งสิ้น 4,587,558 (ข้อมูลปี ค.ศ. 2014) ถ้ารวมประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นอกเมืองด้วยก็มีจำนวนประมาณ 5,150,072 คน กรุงอังการาถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเมืองอิสตันบูล (Istanbulของประเทศตุรกี กรุงอังการาเป็นศูนย์กลางการปกครองของผู้นำประเทศคนแรกคือท่านประธานาธิบดี Mustafa Kemal Atatürk หรือ Atatürk’s headquarters ตั้งแต่ปีค.ศ. 1920 และได้ก่อตั้งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐตุรกีนับตั้งแต่การก่อตั้งประเทศในปีค.ศ. 1923 แทนเมืองอิสตันบูลหลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman Empireตั้งแต่นั้นเป็นต้นมากรุงอังการาก็กลายเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ การศึกษา และอุตสาหกรรมที่สำคัญของตุรกี
กรุงอังการาเป็นถิ่นกำเนิดของสัตว์ 3 สายพันธุ์ที่เป็นมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คือ 
1. The Turkish Angora หรือแมวอังกอรา (Ankara cat = ภาษาอังกฤษ, Ankara kedisi = ภาษาตุรกี) เป็นแมวสายพันธุ์โบราณที่พบเฉพาะในพื้นที่ตอนกลางของอนาโตเลีย (central Anatolia) เท่านั้น ลักษณะเด่นของแมวสายพันธุ์นี้คือมีขนยาวสีขาว ตาสีฟ้า สีเขียวหรือสีเหลืองอำพัน บางทีตาสองข้างมีสีต่างกันก็มีหลายตาข้างหนึ่งมีสีฟ้าและตาอีกข้างมีสีเขียวหรือสีเหลืองอำพัน ใบหูค่อนข้างใหญ่และเรียวแหลม (รูปภาพ) 
2. กระต่ายอังกอรา (Angora rabbit = ภาษาอังกฤษAnkara tavşanı = ภาษาตุรกี) ลักษณะเด่นคือมีขนยาว นุ่มสีขาวปุกปุย (รูปภาพ) 
3. แพะอังกอรา (Angora goat = ภาษาอังกฤษAnkara keçisi = ภาษาตุรกี) มีขนสีขาวหรือดำเงาไปจนถึงสีเทาหรือสีเงิน โดยขนที่ได้จากแกะอังกอราเรียกว่าโมแฮร์ (Mohair) ขอดีของแพะอังกอราคือสามารถตัดขนเพื่อผลิตเส้นใยโมแฮร์ได้ 2 ครั้งต่อปี ไม่เหมือนกับแกะที่สามารถเส้นไยได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น คุณสมบัติของเส้นใยโมแฮร์คือสามารถย้อมติดสีได้ดี ยืดหยุ่น คงทน ไม่ติดไฟง่าย และให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวแต่ระบายความร้อนได้ดีในฤดูร้อน ทำให้มีราคาแพงกว่าเส้นใยที่ได้จากขนแกะ (รูปภาพ) 


หน้าตารถขนส่งสาธารณะในกรุงอังการา    

AnatolianCivilization Museum ในกรุงอังการาซึ่งเป็นพิพิธพรรณที่ไม่ใหญ่เหมือนที่อื่นๆ แต่มีตัวอย่างที่แสดงในแกเลอรี่มากมายจนเคยได้รับรางวัลชนะเลิศพิพิธพรรณดีเยี่ยมแห่งยุโรปมาแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ค่าเข้าชมแค่ 15 TRY (ประมาณ 170 บาท) และเช่าเครื่องบรรยายหรือ Audio Tour (มีหลายภาษารวมถึงภาษาอังกฤษ) อีก 5 TRY (ประมาณ 60 บาท) เท่านั้น  
       
Anıtkabir หรืออนุสรณ์สถานหลุมฝังศพของท่าน Mustafa Kemal Atatürk ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกและรัฐบุรุษของตุรกี 
The Kocatepe Mosque เป็นสุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดในกรุงอังการา ภายในจุคนได้ถึง 24,000 คน สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1967-1987 เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญที่สามารถมองเห็นได้ในทุกทิศทางในกรุงอังการา สถาปัตยกรรมเป็นแบบ Neo-classical Ottoman หลังคาเป็นรูปโดมมีความสูง 48.5 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 25.5 เมตร มีหอ Minaret จำนวน 4 หอ ตั้งอยู่ทั้ง 4 มุมของสุเหร่า ความสูงของหอ Minaret แต่ละอันมีความสูงถึง 88 เมตร  

หนึ่งในหลายๆ ร้านที่ขายของที่ระลึกในกรุงอังการาซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ทำด้วยมือ ฝีมือค่อนข้างปราณีต รับรองว่าจะต้องเป็นที่ถูกอกถูกใจของคุณผู้หญิงส่วนใหญ่ 
กาแฟสไตร์ตุรกีรสชาติเข้มค้นได้ใจทีเดียว อารมณ์เหมือนดื่มกาแฟเอสเปรสโซ ที่สำคัญดื่มเสร็จกากกาแฟที่เหลือในถ้วยถ้าคว่ำบนจานรองกาแฟแล้วเปิดออกดูรูปร่างของกากที่เห็นสามารถใช้ในการทำนายโชคชะตาได้ (เพื่อนตุรกีบอกมา) 

            ได้เวลาอาหารเย็นตามแบบฉบับของชาวตุรกีที่ทานขนมปังกับน้ำมันมะกอก (บน) และด้านล่างภาษาเตอร์กีสเรียก Sarma เป็นเมนูเนื้อบดและห่อด้วยใบองุ่นราดด้วยซอสครีม

Middle East Technical University (METU) เป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของตุรกี ส่วนอันดับโลกก็ดีกว่ามหาวิทยาลัยของไทย พื้นที่ของมหาวิทยาลัยค่อนข้างเป็น green campus ครับ นักศึกษาที่จบจากสถาบันนี้ประมาณร้อยละ 40 เรียนต่อในระดับบัณฑิตศึกษา และสาขาส่วนใหญ่จัดการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ (ถ่ายเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖) 
อาหารในมหาวิทยาลัย METU ที่อังคาราเค้าชั่งขายเป็นกิโลกรัม อาหารมีหลากหลายให้เลือกตามปริมาณที่ผู้บริโภคต้องการ อาหารจึงไม่ค่อยเหลือทิ้ง อาหารจานนี้รวมราคาน้ำผลไม้รวมแล้วก็ราคา 11.82 TRY หรือประมาณ 160 บาท 
 
 
หนังสือบนชั้นหนังสือของห้องสมุดที่มหาวิทยาลัย METU ที่เกี่ยวกับประเทศไทยก็มีนะครับ แอบดีใจเล็กๆ 

No comments:

Post a Comment