เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) หรือเมืองฟิเรนเซ (Firenze) ในภาษาอิตาเลียนเป็นเมืองหลวงของแคว้นทัสคานี (Tuscany) ซึ่งเป็น 1 ใน 20 แคว้นของประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศริมฝั่งแม่น้ำอาร์โน (The River Arno) เป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในแคว้นคือมีประชากรอาศัยอยู่ในเมืองราว 382,000 คน แต่ถ้านับประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เทศบาลก็ประมาณ 1,520,000 คน
จุดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของเมืองฟลอเรนซ์คือจุดที่เป็นที่ตั้งของมหาวิหารหลังคารูปโดมที่รู้จักกันในชื่อภาษาอิตาเลียนว่า Santa
Maria del Fiore เริ่มก่อสร้างเมื่อปี
ค.ศ. 1296 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคโดยการออกแบบของ Arnolfo di Cambio และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1436
ส่วนหลังคาโดมแห่งนี้นั้นได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบชาวอิตาเลียนที่ชื่อว่า Filippo Brunelleschi
แม่น้ำอาร์โนเป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองฟลอเรนซ์และเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดในแคว้นทัสคานี
เมืองฟลอเรนซ์เป็นศูนย์กลางทางการค้าและการเงินของยุโรปในยุคกลางและเป็นหนึ่งในเมืองที่ร่ำรวยที่สุดของเวลานั้น
และถือว่าจุดกำเนิดของยุคเรอเนซองส์ (The birthplace
of the Renaissance) และได้รับการขนานนามว่า
"กรุงเอเธนส์ของยุคกลาง" หรือ “The Athens of the
Middle Ages” จากประวัติศาสตร์ของเมืองพบว่าได้เกิดความปั่นป่วนทางการเมืองในช่วงการปกครองของตระกูลเมดิซี (Medici
family) และการปฏิวัติทางศาสนาและรีพับลิกันหลายครั้ง
เมืองฟลอเรนซ์เคยเป็นเมืองหลวงของอิตาลีในช่วงปี ค.ศ. 1865-1871
ซึ่งในขณะนั้นอิตาลีเพิ่งประกาศจัดตั้งประเทศใหม่เป็น “สหราชอาณาจักรอิตาลี” หรือ “The Kingdom of Italy” ในขณะเดียวกันนั้นอิตาลีเองก็ได้ขยายอิทธิพลของตนเข้าไปยังยึดครองบางประเทศในทวีปแอฟริกาในช่วงเวลาสั้นๆ
ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะล่มสลายและกลายเป็น “สหพันธรัฐอิตาลี” หรือ “The
Italian Republic” อย่างเช่นในปัจจุบัน
เมืองฟลอเรนซ์เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จุดศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ (The Historic Centre of Florence) สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนสูงถึง 13 ล้านคนต่อปี เมืองฟลอเรนซ์ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลกตั้งแต่ปี 1982 จุดเด่นของเมืองนี้คือมีวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และศิลปกรรมในยุคเรอเนซองส์ รวมถึงมีอนุเสาวรีย์ พิพิธภัณฑ์ และหอศิลป์จำนวนมากมาย เช่นหอศิลป์ของอุฟฟิซี (Uffizi Gallery) และพิพิธภัณฑ์แห่งพระราชวังพิตติ (The Pitti Palace) เป็นต้น ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ยังคงมีอิทธิพลต่อเมืองอื่นๆ ทั่วโลกในด้านของศิลปะวัฒนธรรมและการเมือง จนทำให้นิตสารด้านธุรกิจของประเทศอเมริกาคือนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes) ได้จัดอันดับให้ฟลอเรนซ์เป็นหนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลกมาแล้ว
พระราชวังพิตติ (The
Pitti Palace) หรือชื่อในภาษาอิตาเลียนคือ The
Palazzo Pitti เป็นพระราชวงที่สร้างในยุคเรอเนซองส์
ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฟลอเรนซ์
สำหรับประเทศอิตาลีแล้วเมืองฟลอเรนซ์ถือว่าเป็นเมืองที่มีความสำคัญในในวงการแฟชั่นของอิตาลี
เมืองนี้เคยถูกจัดอันดับให้อยู่ใน 51 อันดับแรกของเมืองหลวงแห่งแฟชั่นโลก (The
top 51 fashion
capitals of the world) และเป็นเมืองที่มีรายได้เฉลี่ยสูงเป็นอันดับที่
17 ของประเทศในปี ค.ศ. 2008
น้ำพุแห่งเนปจูนหรือ
The Fountain of Neptune ตั้งอยู่ที่จตุรัสซิกนอเรีย (The Piazza della Signoria) ด้านหน้าของพระราชวังเวชชิโอ (The
Palazzo Vecchio) ซึ่งปัจจุบันเป็นศาลาว่าการของเมืองฟลอเรนซ์
น้ำพุแห่งนี้เป็นผลงานด้านปฏิมากรรมของ Bartolomeo
Ammannati
“Ponte vecchio” หรือสะพานเก่าที่สร้างข้ามแม่น้ำอาร์โน
ก่อสร้างด้วยหินตั้งแต่ช่วงยุคกลาง ปัจจุบันบนสะพานยังมีร้านค้าขายสินค้าต่างๆ
มากมายโดยเฉพาะอัญมณี
ที่มา: Florence
No comments:
Post a Comment