Tuesday, August 2, 2016

เที่ยวคุทน่าฮอร่า (Kutná Hora): เมืองมรดกโลกแห่งสาธารณรับเช็ก (1 July 2016)


เมืองเล็กที่ชื่อว่าคุทน่าฮอร่า (Kutná Hora) ตั้งอยู่ทาง ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงปราก (Pragueประมาณ 75 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณ 1 ชั่วโมง อยู่ในพื้นที่ของภูมิภาคโบฮีเมียตอนกลาง (Central Bohemian Regionมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของประเทศเช็กและเคยถูกเสนอชื่อให้เป็นเมืองหลวงของประเทศ

ประวัติศาสตร์

เมืองนี้เริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณปี ค.. 1142 จากการก่อสร้างโบสถ์ซิดเล็ก (Sedlec Monastery) ในแคว้นโบฮีเมียโดยนักบวชในลำดับชั้นซิสเตอร์เซียน (Cistercianซึ่งเป็นลำดับชั้นหนึ่งของนักบวชในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ต่อมาภายหลังในปี ค.. 1260 ก็เริ่มมีชาวเยอรมันเข้ามาทำเหมืองแร่เงินในบริเวณภูเขาที่ที่พวกเค้าเรียกว่า Kuttenberg ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโบสถ์ และเป็นจุดเริ่มต้นของเมือง Kutná Hora ชื่อ Kuttenberg นั้นเชื่อกันว่าเป็นชื่อที่ได้มาจากคำว่า cowls (ภาษาเช็กเรียกว่า Kutten หมายถึงเครื่องแต่งกายของพระในศาสนาคริสต์ที่คล้ายชุดครุยรับปริญญาหรือไม่ก็มาจากคำว่า mining (การทำเหมืองหรือในภาษาเช็กโบราณเรียกว่า Kutání ภายใต้การนำของเจ้าอาวาสนามว่า Heidenreich ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่บริเวณนี้เติบโตเป็นอย่างมากเนื่องจากรายได้จากการทำเหมืองแร่เงินในช่วงศตวรรษที่ 13 จริงๆ แล้วแร่เงินถูกค้นพบครั้งแรกที่นี่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ในขณะนั้นโบฮีเมียเป็นจุดเชื่อมที่สำคัญของทางการค้าในอดีต พิสูจน์ได้จากหลักฐานที่มีการค้นพบเหรียญเงินดีน่าร์ (dinars คือสกุลเงินที่ใช้ในประเทศมุสลิมหลายประเทศในอดีตซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงปี ค.. 982-995 ในช่วงที่มีการตั้งรกรากของผู้คนบริเวณ Malín ซึ่งปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของเมือง Kutná Hora ในช่วงระหว่างศตวรรษที่ 13-16 เมือง Kutná Hora กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมืองการปกครองเทียบเท่ากับเมืองปราก (Pragueเลยทีเดียว
-ในปี ค.. 1300 กษัตริย์พระนามว่า Wenceslaus II ของโบฮีเมียได้ออกประกาศการทำเหมืองแร่เงินที่ชื่อว่า lus regale montanorum หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Constitutiones Iuris Metallici Wenceslai II ซึ่งประกาศนี้ถือได้ว่าเป็นเอกสารที่สำคัญทางกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการ และขั้นตอนการดำเนินงานเหมืองแร่เงินฉบับแรก ทำให้เมืองนี้มีการเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก
-ในช่วงปี ค.. 1300-1547/48 เมืองแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์เงิน (Silver coin) ที่เรียกว่า Prague groschen ขึ้นเป็นครั้งแรกในรัชสมัยของกษัตริย์ Wenceslaus II ของโบฮีเมีย และถูกใช้เป็นเงินตราที่ใช้แพร่หลายในยุโรปตอนกลางเรื่อยมาจนถึงปี ค.ศ. 1547/48
-ในปี ค.. 1403 ด้วยหลักปรัชญาในพระคำภีร์ไบเบิลของ John Wycliffe นักคิดชาวอังกฤษได้นำมาซึ่งความขัดแย้งทางความคิดในมหาวิทยาลัยปราก (University of Prague = เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ทีสุดในยุโรปตอนกลางปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยชาร์ล หรือ CharlesUniversityทำให้ Jan Hus พระนักปฏิรูปและนักคิดชาวเช็กซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยชาร์ลได้ริ่เริ่มสอนหลักปรัชญาแนวใหม่ในมหาวิทยาลัย แต่ก็ทำให้พระนักบวชและอาจารย์ชาวเยอรมันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในเหล่าบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย โดยความขัดแย้งนี้เกิดจากองค์กรนักศึกษาต่างประเทศ 3 องค์กรในปราก ณ ขณะนั้นคือองค์กรนักศึกษาโปแลนด์ (Poland nation) องค์กร์นักศึกษาบาวาเรีย (Bavaria nation) และองค์กรนักศึกษาแซกโซนี (Saxony nation) ปฏิเสธต่อคำข้อร้องของกษัตริย์ Wenceslas ที่ขอให้ทุกคนมีทัศนะคติที่เป็นกลางเพื่อป้องกันความขัดแย้งทางปรัชญาในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ทำให้ต่อมา Jerome of Prague ซึ่งเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของ Jan Hus ได้เข้าเฝ้าและถวายฎีกาต่อกษัตริย์ Wenceslas ณ เมือง Kutná Hora เพื่อขอให้พระองค์ลงนามพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.. 1409 เพื่อยุติความขัดแย้งดังกล่าวที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย โดยพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวรู้จักกันในชื่อ Decree of Kutná Hora โดยในพระราชกฤษฎีกาฉบับนั้นมีเนื้อหาสำคัญที่ยอมให้องค์กรนักศึกษาของโบฮีเมีย (Bohemian nation) ได้คะแนนเสียงสนับสนุน 3 เสียงเหนือคะแนนสนับสนุน 1 เสียงจาก 3 องค์กรนักศึกษาต่างประเทศรวมกัน จากการลงพระปรมาภิไธยนี้เองที่ทำให้บรรดาอาจารย์และนักศึกษาชาวเยอรมันจำนวน 5,000-20,000 คนพากันออกจากมหาวิทยาลัยปรากและไปตั้งมหาวิทยาลัยใหม่ที่เมืองไลพ์ซิก (University of Leipzig = ปัจจุบันอยู่ในประเทศเยอรมันปรัชญาแนวใหม่ของ Jan Hus นี่เองที่ส่งผลให้เกิดสงคราม Hussite Wars ตามมาในปี ค.. 1419 ในช่วงสงคราม Hussite Wars เมือง Kutná Hora ได้กลายเป็นเมืองที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากเมืองปราก เนื่องจากถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์โบฮีเมียหลายพระองค์ในช่วงสงครามที่กินเวลายาวนานถึง 15 ปี (สงครามสิ้นสุดเมื่อประมาณปี ค.. 1434) 
-หลังจากสิ้นสุดสงครามครั้งนั้นเมือง Kuttenberg (Kutná Hora) ก็ได้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ หลายครั้ง เช่น ได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของออสเตรียในช่วงยุคเรืองอำนาจของจักรวรรดิ์แฮบส์เบอร์ก (Habsburg Empire) ในออสเตรีย ในปี ค.. 1526
-เกิดน้ำท่วมเหมืองแร่ครั้งใหญ่ในปี ค.. 1546
-เกิดการกบฏต่อต้านกบัตริย์เฟอดินันด์ที่ 1 (Ferdinand Iในโบฮีเมียในช่วงปี ค.. 1618-1620
-เกิดโรคระบาดรุนแรงหลายครั้ง
-เกิดสงคราม 30 ปี (Thirty Years’ Warในยุโรปตอนกลางในช่วงปี ค.. 1618-1648
-เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี ค.. 1770
-เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้กับเมืองแห่งนี้เป็นอย่างมากจนยากที่จะฟื้นฟู ทำให้เหมืองแร่เงินต่างๆ ถูกทิ้งร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 18
-ในปี ค.ศ. 1806 เมืองกลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ์ออสเตรีย (AustrianEmpireและเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิ์ออสเตรีย-ฮังการี (Austro-Hungarian Empireภายหลังปี ค.ศ. 1867 และกลายเป็น 1 ใน 94 หัวเมืองหลักของแคว้นโบฮีเมียในปี ค.ศ. 1918
-ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุดลงจักรวรรดิ์ออสเตรีย-ฮังการีก็ล่มสลาย เมืองแห่งนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเช็คโกสโลวาเกีย (Czechoslovakiaและกลายเป็นเมืองในอารักขาของโบฮีเมียและโมราเวีย (Protectorateof Bohemia and Moraviaโดยทหารนาซีเยอรมัน (Nazi Germany) ในช่วงปี ค.ศ. 1939-1945 และได้มอบคืนกลับไปให้กับเช็คโกสโลวาเกียอีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง 
-ในปี ค.ศ. 1993 ประเทศเช็คโกสโลวาเกียถูกแยกออกเป็น 2 ประเทศ (สาธารณรัฐเช็กและประเทศสโลวาเกียเมือง Kutná Hora ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสาธารณรัฐเช็กตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สถาปัตยกรรมที่สำคัญ

เมือง Kutná Hora และเมืองใกล้เคียงคือ Sedlec ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี ค.. 1995 เป็นต้นมาเนื่องจากมีโบสถ์เก่าแก่และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น

เมือง Kutná Hora
1. St. Barbara's Church โบสถ์สไตร์โกธิกที่มีโถงทางเดิน 5 แถว
2. The Italian Court แต่เดิมใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์และเป็นโรงกษาปณ์)
3. The Gothic Stone Haus เดิมใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมเอกสารสำคัญของประเทศ 
4. The Gothic St. James’ Church ที่มีหอสูง 86 เมตร

เมือง Sedlec 
1. The Cathedral of Our Lady โบสถ์สไตร์โกธิก
2. Ossuary ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันคาธอลิกขนาดเล็กเป็นที่ฝังศพของนักบุญ และสุสานโครงกระดูกของคนจำนวนมากถึง 70,000 คน
    
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nation

เล่าอย่างนี้หลายคนอาจจะงง ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติมนิดหนึ่งครับ เกี่ยวกับองค์กรนักศึกษาหรือที่เรียกว่า Nation นั้นเป็นองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวกันของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เกิดในพื้นที่เดียวกัน (ชื่อองค์กรก็เรียกตามชื่อถิ่นที่เกิด เช่น องค์กรนักศึกษาเช็ก องค์กรนักศึกษาโบฮีเมีย เป็นต้นการจัดตั้งองค์กรนักศึกษาหรือ university nation นั้นมีอย่างแพร่หลายในยุโรปในช่วงยุคกลาง (Medieval Period หรือ Middle Ages) คือระหว่างปีศตวรรษ 500-1500 นั่นเอง ปัจจุบันองค์กรนักศึกษาลักษณะนี้มีอยู่จำกัดในมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของบางประเทศเท่านั้นเช่น ประเทศสวีเดน (Sweden) (มีเฉพาะที่มหาวิทยาลัยลุนด์ (Lund University) และมหาวิทยาลัยอุปซอลา (Uppsala University) เท่านั้นและประเทศฟินแลนด์ (มีเฉพาะที่มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ (University of Helsinki) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเฮลซิงกิ (Helsinki University of Technology))

ที่มา: Kutná Hora 

Kutna Hora Train Station 
St. Barbara's Church (aka the Cathedral of St. Barbara) is a Roman Catholic Church in Kutná Hora (Czech Republic). Construction began in 1388 but was not completed until 1905. It is one of the most famous Gothic churches in central Europe and is listed as a world heritage site by UNESCO in 1995 
Ossuary from outside (above) and inside (below) 

No comments:

Post a Comment